เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ถูก ลูกค้า_6
March 23, 2016ดูแลรักษาแบตเตอรี่ บ่อยๆ ทำให้แบตเตอรี่อยู่กับเราได้นานขึ้น
June 5, 2017ที่ชาร์จแบตในรถยนต์ ดีหรือไม่
ที่ชาร์จแบตในรถ ดีหรือไม่?
คุณสามารถใช้ที่ชาร์จแบตในรถโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่หมดได้นานเท่าไหร่
เมื่อคุณใช้ตัวแปลงกระแสไฟรถเมื่อคุณเข้าแคมป์หรือทุกครั้งที่คุณจอด มันจะกินแบตเตอรี่ทุกครั้ง
คำถาม: ? ที่ชาร์จแบตในรถจะกินแบตเตอรี่หรือไม่
ฉันซื้อตัวแปลงไฟมา และยังไม่ได้ติดตั้งเพราะกลัวว่ามันจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว ฉันอยากจะใช้มันตอนขับรถและก็อยากใช้ตอนไปออกแคมป์ด้วย รวมไปถึงถ้ามีสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ แต่ก่อนหน้านั้นฉันอยากเพื่อให้มั่นใจก่อนว่ามันจะไม่ทำให้แบตเตอรี่ฉันหมดอย่างรวดเร็วและไม่ทำให้ฉันต้องไปติดแหงกอยู่ที่ไหนซักแห่ง
คำตอบ:
หากระบบชาร์จไฟของคุณปกติดี การติดตั้งตัวแปลงไฟก็ไม่สามารถลดแบตเตอรี่ของคุณขณะขับรถได้ อย่างไรก็ตามการใช้มันระหว่างเครื่องยนต์หยุดทำงาน ก็อาจทำให้แบตเตอรี่หมดลงได้ และอาจถึงขั้นที่จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้อีกครั้ง
หากคุณกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ คุณอาจหยุดการใช้ตัวแปลงไฟก่อนที่มันจะไปถึงสถานการณ์นั้น การนำแบตเตอรี่วงจรลึกติดไปด้วยต่างหากสำหรับตัวแปลงไฟ หรือการนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากับที่ชาร์จแบตเตอรี่ครบชุดไปด้วยจะดีกว่า
แบตเตอรี่กำลังหมดระหว่างเครื่องยนต์ทำงาน
เมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ตัวปั่นไฟชาร์จแบตเตอรี่ของคุณจะคอยจ่ายพลังงานไปยังระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ยังคงมีความสำคัญเนื่องจากตัวปั่นไฟต้องการแรงดันแบตเตอรี่เพื่อจะทำงาน แต่คุณไม่ควรดึงกระแสไฟจากแบตเตอรี่ขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่
เมื่อทุกอย่างกำลังทำงานอย่างปกติ ตัวปั่นไฟจะชาร์จแบตเตอรี่หากมันต้องการ จ่ายพลังงานให้ระบบไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นอย่างเช่นเครื่องเสียงและไฟหน้ารถ จะทำให้เหลือพลังงานสำหรับตัวแปลงไฟ
ตัวปั่นไฟไม่ได้ทำงานในการจ่ายกระแสไฟอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเพราะว่ามันกำลังแย่ลงหรือไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอ จากนั้นระบบไฟฟ้าของคุณอาจเข้าสู่สถานะของการหมดประจุ ในจุดนั้น คุณจะสังเกตเห็นได้ที่หน้าปัดของคุณ หากมันขึ้นว่าต่ำกว่า 12 หรือ 13 โวลต์ ซึ่งบ่งบอกถึงแบตเตอรี่ที่กำลังจะหมดนั่นเอง
หากสถานการณ์เช่นนั้นยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน แบตเตอรี่อาจจะหมดได้และทำให้ไม่มีพลังงานมากพอที่ทำให้ระบบไฟฟ้าในยานพาหนะทำงานได้ ถึงจุดนั้นหรือก่อนหน้านั้นคุณอาจจะต้องประสบการปัญหาด้านสมรรถนะและเครื่องยนต์ก็จะดับในที่สุด
กราฟการผลิตกำลังไฟฟ้าของตัวปั่นไฟก็สำคัญเช่นกันซึ่งมันสูงกว่า RPMs ที่สูงมากกว่าRPMs ที่ต่ำ นั่นหมายถึงระบบไฟฟ้าที่ทำงานหนักเกินไปอาจนำไปสู่สถานะที่แบตหมดไปอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่ามันจะยังดีอยู่ตอนที่ลงจากทางด่วนเมื่อกี้นี้
สถานการณ์อาจแตกต่างกันออกไป แต่มันไม่เป็นไรหากคุณใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กอย่างเช่นแล็ปท็อปเครื่องเล่นดีวีดีหรือที่ชาร์จแบตมือถือโดยไม่ไปทำให้ระบบทำงานหนักเกินไป แต่หากคุณมีระบบเสียงระดับขั้นเทพที่มีเครื่องขยายเสียงและลำโพงเบสที่คุณภาพชั้นดีก็อาจจะทำให้คุณต้องลงทุนซื้อตัวปั่นไฟระดับดีตามไปด้วย
แบตเตอรี่กำลังหมดขณะที่เครื่องยนต์ดับอยู่
เมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องยนต์ของคุณไม่ได้ทำงานอยู่ แบตเตอรี่มีหน้าที่เตรียมจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ข้ามคืนสามารถทำให้แบตเตอรี่คุณหมดสนิทได้ และสิ่งที่เหมือนกันกำลังจะเกิดขึ้นหากคุณใช้ตัวแปลงไฟขณะคุณจอดรถ
ที่ชาร์จแบตในรถยนต์บางตัวมาพร้อมกับฟังก์ชั่นปิดแรงดันแบตเตอรี่ต่ำแบบ built-in แต่มันอาจจะทำให้คุณมีพลังงานเหลือหรือไม่เหลือสำหรับสตาร์ทเครื่องก็ได้ เนื่องจากสตาร์ทเตอร์ต้องการกระแสไฟปริมาณมากในการสตาร์ทเครื่อง การใช้ตัวแปลงไฟเมื่อคุณออกแคมป์อาจะทำให้คุณไปไหนไม่รอด
หากคุณต้องการจะใช้ที่ชาร์จแบตในรถเมื่อออกแคมป์ คุณอาจต้องล้อมสายพานด้วยการซื้อแบตเตอรี่วงจรลึกเพิ่มเพื่อการจ่ายไฟให้กับตัวแปลงไฟนี้ คุณจะสามารถสตาร์ทเครื่อง เพื่อชาร์จแบตเตอรี่บ่อยครั้ง หรือนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีการชาร์จแบตเตอรี่แบบ built-in ในกรณีที่แบตเตอรี่ของคุณหมด
คุณสามารถใช้ที่ชาร์จแบตในรถได้นานเท่าไหร่ก่อนที่แบตเตอรี่จะถูกดึงไปใช้จนหมด
จำนวนเวลาที่คุณสามารถใช้ที่ชาร์จแบตในรถในการให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ขึ้นอยู่กับพลังงานที่คุณใช้นั้นคือเท่าไหร่และแบตเตอรี่ของคุณมีความสามารถในการจ่ายพลังงานได้เท่าไหร่ หากคุณรู้กำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ของคุณที่ต้องการใช้ และค่าความสามารถในการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ คุณสามารถนำมาลองคำนวณตามสูตรด้านล่างนี้ได้
(10 x (ความสามารถในการจ่ายไฟของแบตเตอรี่) / (Load)) / 2
ดังนั้นหากแบตเตอรี่ของคุณมีความสามารถในการจ่ายไฟเท่ากับ 100 แอมแปร์ต่อชั่วโมง และคุณต้องการจะใช้แล็ปท็อปซึ่งมีกำลังไฟ 45 วัตต์ คุณก็จะสามารถใช้ได้ประมาณ 11 ชั่วโมงกว่าแบตเตอรี่จะหมด
(10 x (100 AH) / (45 วัตต์)) / 2 = 11.11 ชั่วโมง
ในทางปฏิบัติ เพื่อเป็นการเตือน หากคุณต้องการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาด 45 วัตต์ บนแบตเตอรี่ 100 AH ในเวลา 11ชั่วโมง มันอาจทำให้ไม่มีกระแสไฟเหลือมากพอที่จะสตาร์ทรถยนต์ได้ ส่วนภาระโหลดที่ใหญ่กว่า อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ทีวี หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก