วิธีเลือกแบตเตอรี่รถยนต์

วิธีเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ ให้เข้ากับการใช้รถของคุณ

วันนี้ร้านแบตเตอรี่มิตรภาพ มีสาระดีๆมาฝากกันเกี่ยวกับวิธีการเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ และ ข้อมูลคร่าวๆว่าเมื่อไหร่ดีที่คุณควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เสียที

1. หากรถของคุณยังคงสภาพเดิม ไม่มีการตกแต่งใด หรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ไฟฟ้า การเลือกใช้แบตเตอรี่แบบแห้งหรือแบบที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลรถบ่อยๆ หรือไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์เท่าใดนัก

2. หากคุณเป็นที่รักในการแต่งรถ อดไม่ได้ที่จะหาอุปกรณ์เครื่องเสียงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้าไปภายหลังเช่นเครื่องเสียง-ไฟตัดหมอก-ขนาดไฟหน้าที่สว่างกว่าเดิม การเลือกใช้แบตเตอรี่ธรรมดาที่เติมน้ำกลั่นจะดีกว่า เพราะการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมากในรถทำให้เกิดการประจุและการนำกระแสไปใช้งานนั้นจะมากและรุนแรงถ้าใช้แบตเตอรี่ แบบแห้งจะทำให้อายุงานของแบตเตอรี่ แห้งนั้นสั้นลงอย่างมากหากใช้อุปกรณ์กินไฟในรถจำนวนมากเกินไป

3. การเลือกใช้แบตเตอรี่แบบแห้ง ค่อนข้างจะเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร เนื่องจากแต่ละยี่ห้อนั้นออกแบบแตกต่างกันไปในเรื่องซีลหรือระบบทางเดินเดียวของรูหายใจ ตลอดจนกระแสที่ใช้ในการชาร์จหรือประจุเข้าที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่ ชนิดนี้คือการประจุแบบช้า จึงค่อนข้างมีปัญหาต่อการประจุเร็วและรุนแรงของรถที่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมากๆ

4. ค่าความจุของแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นค่าที่เขียนติดมากับแบตเตอรี่จะเห็นเป็นตัวเลขและตัวอักษร เช่น 12V 60Ah หมายถึงแบตเตอรี่มีค่าแรงดัน 12 โวลต์ และมีค่าการปล่อยกระแสคงที่ 60 แอมแปร์-ชั่วโมง แต่โดยทั่วไปจะคิดกันที่ 20 ชั่วโมง หรือกระแสที่จ่ายคงที่ของแบตเตอรี่ ตัวนี้คือ 3 แอมแปร์ในเวลา 20 ชั่วโมง ส่วนมากแบตเตอรี่ ที่ติดรถมาจะมีค่าความจุที่ต่ำสุดที่เพียงพอต่อการใช้งานเท่านั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ตัวใหม่ควรเพิ่มค่าให้มากกว่าเดิม 5-10Ah เช่นตัวเดิม 12V 60Ah ถ้าเปลี่ยนตัวใหม่ควรจะเป็น 12V 65Ah หรือ 12V 70Ah เป็นต้นเนื่องจากว่าเมื่ออายุงานรถมากขึ้นอุปกรณ์ต่างๆ เช่นสายไฟจะมีความเป็นตัวนำลดลงทำให้กระแสสูญเสียไปกับความร้อนที่เกิดขึ้น การเผื่อค่าการจ่ายกระแสมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายหรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดจากกระแสไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

5. ถ้าเป็นแบตเตอรี่รถยนต์แบบที่ต้องเติมน้ำกลั่น ครั้งแรกที่ซื้อแบตเตอรี่ ใหม่ทางร้านจะเติมกรดและทำการประจุหรือชาร์จไฟให้แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่การกระทำดังกล่าวบางครั้งก็ทำให้แบตเตอรี่ เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ บางครั้งแค่ปีเดียวก็เสื่อมสภาพแล้ว เนื่องจากการเติมกรดครั้งแรกควรจะทิ้งไว้ราว 1-2 ชั่วโมงก่อนที่จะนำไปประจุหรือชาร์จไฟเพื่อให้แผ่นธาตุทำปฏิกิริยากับกรดอย่างเต็มที่ก่อน

---

ได้เวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์หรือยัง ?

---

คุณจะทราบได้อย่างไรว่าเวลาไหนควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ และการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ควรจะเป็นอย่างไร? หากรถของคุณตกอยู่ในสภาวะเหล่านี้ แปลว่ารถของคุณได้ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

1. ใช้งานมานานกว่า 1.5 – 2 ปี

2. ไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเช่นเคย

3. กระจกไฟฟ้าทำงานไม่เหมือนเดิม (ช้าลง)

4. ในตอนเช้า เครื่องยนต์สตาร์ท ติดยาก (รอบของเครื่องยนต์ไม่พอเพียง)

5. ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยครั้ง

---

และหากคุณคิดจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ แต่คุณมีการใช้รถยนต์เป็นลักษณะตามด่านล้างควรปรึกษาร้านแบตเตอรี่รถยนต์เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการจ่ายไฟของแบตเตอรี่รถยนต์นะครับ

1. เมื่อมีการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าส่องสว่างและติดเครื่องเสียงเพิ่มขึ้น

2. ใช้รถเฉพาะกลางคืนและเปิดไฟส่องสว่างเป็นเวลานานๆๆ

3. เปิดแอร์เป็นเวลานานๆ

4. ใช้รถทั้งกลางวัน-กลางคืน

5. ใช้รถน้อย (จอดรถไว้เป็นเวลาหลายวัน) หรือใช้รถเฉพาะวันหยุด

หากคุณสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ หรือ อยากเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ทางร้านแบตเตอรี่มิตรภาพบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่ ทั่วทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร